ค่าช่วงสำหรับหมายเลข Private IP ทั้ง 3 คลาส
ไอพีส่วนตัว (Private IP)
- ไอพีส่วนตัวมีไว้สำหรับใช้งานภายในองค์กรเท่านั้น ไม่ว่าองค์กรนั้นจะมีขนาดใหญ่หรือเล็กเพียงใดก็ตาม ได้แก่
ไอพีส่วนตัว คลาส A เริ่มตั้งแต่ 10.0.0.0 ถึง 10.255.255.255 สับเน็ตมาสต์ที่ใช้ได้ เริ่มตั้งแต่ 255.0.0.0 ขึ้นไป
ไอพีส่วนตัว คลาส B เริ่มตั้งแต่ 172.16.0.0 ถึง 172.31.255.255 สับเน็ตมาสต์ที่ใช้ได้ เริ่มตั้งแต่ 255.240.0.0 ขึ้นไป
ไอพีส่วนตัว คลาส C เริ่มตั้งแต่ 192.168.0.0 ถึง 192.168.255.255 สับเน็ตมาสต์ที่ใช้ได้ เริ่มตั้งแต่ 255.255.0.0 ขึ้นไป
ไอพีส่วนตัวข้างต้นถูกกำหนดให้ไม่สามารถนำไปใช้งานในเครือข่ายสาธารณะ (Internet) ได้
               
ความหมายของ Socket สำหรับ TCP/IP
Socket คือ กลุ่มของหมายเลข Port และ หมายเลข IP ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ Network process หนึ่งเดียวที่มีอยู่ในทั้งระบบ Internet คู่ของ Socket ที่ประกอบด้วย Socket หนึ่งตัว สำหรับต้นทาง และอีกตัว สำหรับปลายทาง สามารถใช้บรรยายถึงคุณลักษณะของ Connection oriented protocols เช่น
ถ้าผู้ใช้คนที่ 2 ต้องการใช้ Service Telnet จากเครื่องปลายทางเครื่องเดียวกัน ผู้ใช้นั้นก็จะได้รับการ assign หมายเลข Port ต้นทางที่แตกต่างกันออกไป โดยมีหมายเลข Port ปลายทางเหมือนกันกับผู้ใช้คนแรกดังรูปที่ 4 จะเห็นได้ว่าการจับคู่ของหมายเลข Port และหมายเลข IP ทั้งต้นทางและปลายทางสามารถทำให้แยกความแตกต่างของ Internet connection ระหว่างเครื่องต้นทางและเครื่องปลายทางได้
Socket เหมือนประตูห้องในคอนโดครับ การที่เพื่อนจะมาหาเราได้ ก็จะต้องรู้ว่าเราอยู่ตึกไหน (IP address) และห้องเบอร์อะไร (port number) แล้วเค้าก็จะมาเคาะประตูเรา (establish socket connection) ถ้าเราตอบตกลงเปิดประตู (accept connection) เราก็จะคุยสื่อสารกับเพื่อนเราได้ (ส่งข้อมูลไปมา) เมื่อคุยเสร็จต่างฝ่ายต่างปิดประตู (close connection) ก็จะทำให้เราสามารถต้อนรับแขกคนถัดไปได้
กรณี Server socket มีไว้เพื่อต้อนรับแขกได้หลายๆคน มองว่า server socket เหมือน reception ในโรงแรม เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์เมื่อต้อนรับแขกแต่ละคน (accept connection) แล้วจะให้แขกไปเข้าห้องพักคนละห้อง แขกแต่ละห้องจะใช้เวลาในห้องนานแค่ไหนก็แล้วแต่ว่าจองห้องไว้นานกี่วัน (ใช้วิธีแตก thread ประมวลผลต่างหาก) แล้วทำเรื่องเช็คอินแขกคนถัดไป ถ้าช่วงเวลาเช็คอินสั้นๆก็จะทำให้ดูเหมือน server สามารถรองรับ request ได้มากๆ ตราบใดที่จำนวนห้องไม่เต็ม
จุดสำคัญที่เราใช้คำว่า socket แทนที่จะพูดถึงเพียงแค่หมายเลข port ก็คือ socket จะต้องประกอบไปด้วย บ้านเลขที่ (IP address) บวกกับหมายเลขห้อง (port number) รวมกัน เพราะรู้แต่ port number แต่ไม่รู้ว่าต่อเครื่องไหนก็ไม่ได้ ถ้ารู้ว่าต่อเครื่องไหนแต่ไม่รู้ว่าต่อไปที่พอร์ตเบอร์อะไรก็ไม่ได้เช่นกัน
ข้อดี
Socket เป็นอะไรที่เป็นมาตรฐาน (แม้จะเก่าไปหน่อยก็ตาม) เพราะฉะนั้นการเปิด Socket *ไม่มี*ข้อจำกัดว่า Client, Server จะต้องเป็น platform เดียวกัน หรือภาษาเดียวกันจึงจะส่งได้
ข้อเสีย
หากเราเปิด Socket เอง คงต้องเลือก port ดีๆ และไม่ควร hard code IP ของ Server หรือ port ลงไป แต่ควรจะเอาไปไว้ใน config file เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายในภายหลัง

ความหมายของ Port สำหรับ TCP/IP
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ Port
สำหรับพวก Application ในชั้น layer สูงๆ ที่ใช้ TCP (Transmission Control Protocol) หรือ UDP (User Datagram Protocol) จะมีหมายเลข Port หมายเลขของ Port จะเป็นเลข 16 bit เริ่มตั้งแต่ 0 ถึง 65535 หมายเลข Port ใช้สำหรับตัดสินว่า service ใดที่ต้องการเรียกใช้ ในทางทฤษฎี หมายเลข Port แต่ละหมายเลขถูกเลือกสำหรับ service ใดๆ ขึ้นอยู่กับ OS (operating system) ที่ใช้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่ได้มีกำหนดขึ้นให้ใช้ค่อนข้างเป็นมาตรฐานเพื่อให้มีการติดต่อการส่งข้อมูลที่ดีขึ้น ทาง Internet Assigned Numbers Authority (IANA) เป็นหน่วยงานกลางในการประสานการเลือกใช้ Port ว่า Port หมายเลขใดควรเหมาะสำหรับ Service ใด และได้กำหนดใน Request For Comments (RFC') 1700 ตัวอย่างเช่น เลือกใช้ TCP Port หมายเลข 23 กับ Service Telnet และเลือกใช้ UDP Port หมายเลข 69 สำหรับ Service Trivial File transfer Protocol (TFTP) ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นบางส่วนของ File/etc/services แสดงให้เห็นว่า หมายเลข Port แต่ละหมายเลขได้ถูกจับคู่กับ Transport Protocol หนึ่งหรือสอง Protocol ซึ่งหมายความว่า UPP หรือ TCP อาจจะใช้ หมายเลข Port เดียวกันก็ได้ เนื่องจากเป็น Protocol ที่ต่างกัน

ความคิดเห็น